เมื่อเดือน ก.ค. 2553 ผมได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรม Friday night hike กับชาว Sierra Club ใน Santa Barbara. ซึ่งทุกวันศุกร์เวลาหกโมงเย็นเขาจะนัดพบกันที่ Santa Barbara Mission
ถ้าใครคิดว่าการเดินป่าตอนกลางคืนนั้นเป็นกิจกรรมของหนุ่มสาวไร้สติบ้าพลัง หรือว่าเป็นกิจกรรมของคนแก่เบื่อโลกว่างงานมาก ก็จงปรับทัศนคติเสียใหม่ ชมรม Sierra Club มีคนมากมายหลายรุ่นหลายวัย (แต่สีผิวยังไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ -- ส่วนใหญ่เป็นคนขาว) มาเดินป่าด้วยกันด้วยจิตใจที่รักธรรมชาติ ความจริงแล้วกิจกรรมเหล่านี้เปิดกว้างสำหรับสาธารณชน ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกชมรมก็มาเดินเที่ยวด้วยกันได้ โดยทุกกิจกรรมจะมีผู้นำ (hike leader) ผู้ผ่านการฝึกอบรมและผ่านการทดสอบมาแล้ว
คุณน้าใจดีในภาพคือผู้นำของเราในค่ำคืนนี้ (ขอโทษด้วยที่ผมลืมชื่อ) ภาพนี้ตอนถ่ายไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากนั้นถึงได้เรียนรู้ว่ามุมแสงแบบที่เห็นนี้พวกมืออาชีพเขาเรียกว่า rim lighting เป็นแสงที่ทำให้ถ่ายภาพคนได้สวยมากเพราะแสงจะช่วยตัดเส้นขอบของร่างกาย และช่วยทำให้เส้นผมสะท้อนแสงเปล่งประกายสวยงาม ถ้านี่เป็นการจัดฉาก ก็ควรจะมีคนถือแผ่นสะท้อนแสง (reflector) ทางขวามือเพื่ออัดแสงเข้าไปในหน้าคุณน้าอีกสักหน่อย ภาพจะงดงามมีมิติมากๆ |
วันนี้เขาตัดสินใจกันว่าจะไป hike กันที่ East Fork Cold Spring Trail คือว่า Cold Spring นี้เป็นชื่อของธารน้ำ (creek) ที่ไหลลงมาจากภูเขา และธารน้ำนี้ก็มีหลายแขนง (fork) วันนี้เราจะไปเดินทางแขนงฝั่งตะวันออก. เนื่องจากเดือน ก.ค. เป็นช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์ตกช้ามาก night hike วันนี้ก็เลยไม่ night สักเท่าไหร่ ยังคงมีแสงสวยๆ ของดวงตะวันที่ใกล้จะตกทะเลให้เราได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติได้ ความจริงแล้วนักถ่ายภาพธรรมชาติเขาบอกว่าช่วงเวลาใกล้พระอาทิตย์ตกดินนี่แหละที่เป็น golden hours, เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ เพราะแสงจะนุ่มนวลและมีทิศทาง (ฯลฯ เหตุผลมีอีกมาก)
ทางเดินขึ้นมีภูเขาอยู่ทางขวา และธารน้ำอยู่ในเหวทางซ้าย เมื่อเดินไปสักพักทางก็จะตัดกับธารน้ำ |
ผมเดินเกาะกับกลุ่มหลังสุด เดินช้าที่สุดเพราะมัวแต่ถ่ายรูป เมื่อเดินขึ้นไปถึงทางแยกหนึ่งก็พบว่าพวกกลุ่มข้างหน้าเขากำลังเดินลงมาแล้ว แต่เรายังขึ้นไปไม่ถึง "จุดชมวิว" ที่เรียกว่า Montecito Outlook เลย ไม่เป็นไร ผมเคยไปมาแล้ว (วันหลังจะเอาภาพมาให้ชม) ผมเดินกลับลงมาพร้อมกับกลุ่มหน้า โดยใช้ทางลัดตัดออกไปอีกด้านหนึ่งของภูเขา พบว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะวิวขาลงในสภาพแสงขณะนี้วิจิตรงดงามเป็นยิ่งนัก ผมนึกในใจ "เราถ่ายอย่างไรก็ไม่สวยเท่ากับครึ่งหนึ่งของของจริง แต่ก็เอาวะ ลองดู"
ในระหว่างที่เดินลงผมเห็นว่าภาพเนินเขาและแหลมแผ่นดินที่ยื่นเข้าไปในทะเลนั้นสวยงามมาก (เมื่อมองด้วยตา) แต่ถ้ายื่นกล้องไปถ่ายซะดื้อๆ ก็คงดูรกๆ ไม่ต่างอะไรจากภาพอื่นอีกเป็นร้อยภาพ จึงแก้ความรกด้วยการนำ boring foreground object เข้ามาช่วย ให้มันโฟกัสไปที่ foreground แต่ความสวยงามของภาพที่แท้จริงอยู่ที่สีสันของ background ในวันนั้นผมยังวัดแสงไม่เป็น ทำ silhouette (ภาพเงาดำย้อนแสงแบบที่เห็นอยู่นี้) ก็ไม่เป็น ก็เลยใช้ตัวช่วย ถ่ายแบบ auto-bracket ไปซะเลยสามภาพ แล้วมาเลือกทีหลัง ปรากฎว่าภาพแรกนั่นแหละที่สวยที่สุด (Nikon นี่มันดีจริงๆ)
ประโยชน์อย่างหนึ่งของระบบ auto-bracket นั้นก็คือการถ่ายภาพแบบ HDR (high dynamic range) ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นภาพผลลัพท์ที่มีรายละเอียดของภาพครบทุกส่วนทั้งส่วนที่สว่างจ้าและส่วนที่เป็นเงามืด พูดง่ายๆ การทำ HDR ก็คือการนำภาพสองสามภาพมารวมกัน แต่ละภาพอาจจะมืด/สว่างไม่เท่ากัน ระบบ HDR (อัตโนมัติบ้าง อัตโนมือบ้าง) ก็จะเลือกบริเวณต่างๆ จากภาพที่มีรายละเอียดเหมาะสมที่สุด วิธีนี้ถ้ารู้จักใช้จะทำให้ได้ภาพที่ดูงดงามแปลกตา ถ้าไม่ค่อยรู้จักใช้ก็จะได้ภาพที่ดูแปลกตาอย่างเดียว (แต่ไม่งดงาม ฮาาา)
นี่เป็นภาพ HDR ภาพแรกของผม ไม่รู้สึกว่าสวยงามแต่ดูแล้วแปลกตา ภาพนี้เกิดจากการซ้อนภาพสามภาพเข้าด้วยกันโดยโปรแกรม Enfuse ภาพสามภาพนั้นถ่ายโดยการนั่งลงกับพื้น จัดมือให้นิ่ง กลั้นหายใจ แล้วรัวชัตเตอร์ด้วยระบบ auto-bracket |
เวลาล่วงไปสองทุ่มกว่าๆ แล้ว แต่ท้องฟ้าก็ยังมีแสงสว่าง ในช่วงที่เดินอยู่ในหุบเขาจะรู้สึกว่ามืดมาก แต่พอเดินออกมาฝั่งทิศใต้ของภูเขาก็พบว่าฟ้ายังสว่างอยู่ แถมสีสันก็สวยงาม อย่างที่บอกว่าแสงแบบนี้เรียกว่า afterlight (มันจะโผล่มาหลังจาก twilight) ซึ่งเคยได้ยินมาว่าบริเวณที่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากก็จะมีช่วงเวลานี้ยาวนานมาก นั่นคือ พอพระอาทิตย์ตกแล้วจะยังไม่มืดทันที จะมีแสงสีให้เห็นแล้วค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ แต่สำหรับประเทศไทยซึ่งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรช่วงเวลานี้จะสั้นมาก นั่นคือ พอพระอาทิตย์ตกปุ๊บ ก็มืดปั๊บเลย
นกสองตัวกำลังบินกลับรัง (พิกเซลเล็กๆ ด้านบนขวา) ต้นไม้กำลังยืนโน้มเอียงอย่างกับรู้ว่าตัวเองอยู่บนเนินเขา |
Sierra Club จัดกิจกรรมเดินป่าเช่นนี้สัปดาห์ละหลายคร้ง ทุกค่ำวันศุกร์จะมีการเดินป่ากลางคืนระยะสั้นอย่างที่เห็น ทุกค่ำวันพุธจะมีการเดินป่ากลางคืนระยะยาว (คือ.. ทางโหด ถ้าไม่อึดจริงอย่าไป (ผมไม่เคยไป)) และทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะมีการพาไปเดินตาม trail ต่างๆ ความยากง่ายแตกต่างกัน มีการประกาศกำหนดการล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เพื่อให้สาธุชนได้วางแผนและมีโอกาสโทรสอบถามข้อมูลกับ hike leader ได้ ไม่ว่าคุณเป็นใครคุณก็สามารถมาร่วมกับเขาได้ฟรีๆ ไม่มีการเรี่ยไรเงินบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการยัดเยียดคำสอนศาสนาใดๆ และที่สำคัญ ไม่แม้แต่จะมาพร่ำบอกให้คุณต้องรักธรรมชาติ เพราะเขาเชื่อว่าหากแม้นผู้คนได้มาสัมผัสธรรมชาติด้วยตา ด้วยหู ด้วยจมูก ด้วยเท้าของตัวเองแล้ว ผู้คนจะต้องตกหลุมรักและอยากจะทะนุถนอมความงดงามนี้ไว้ไม่ให้ใครมาทำลาย โดยที่เราไม่จำเป็นต้องพูดจูงใจอะไรเขาเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น